วันจันทร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2553

ชมพัทยาจากริมผา ตระการตาทะเลสาบสีเงิน By Naam @ SugarBrown

สำหรับชีวิตคนทำงาน วันลาคงมีไม่มากพอที่จะหนีไปไกลจากเมืองกรุง ครั้งนี้จึงพาเที่ยวออกไปทางชลบุรี หนีกรุงมุ่งหน้าสู่พัทยา ด้วยเวลาที่มีจำกัด เพียงสองวันหนึ่งคืน พอฟื้นขึ้นมาได้ในเช้าวันเสาร์ เราก็ออกเดินทาง เส้นทางไปพัทยาก็คงคุ้นเคยกันดี ไม่ว่าจะไปทางบางนา-ตราด หรือว่าทางหลวงพิเศษ (Motor Way) ก็สะดวกทั้งคู่ พอเข้าสู่ชลบุรีก็มีที่เที่ยวให้เลือกมากมาย ไล่มาตั้งแต่ อ่างศิลา เขาสามมุก หาดบางแสน ตลาดหนองมน เมืองจำลอง สวนสัตว์เปิดเขาเขียว สวนนงนุช ฯลฯ จะหยุดแวะพักกินข้าวเที่ยงที่ไหนก็เลือกได้ตามใจปาก หรือจะตียาวเข้าไปกินที่ชายหาดพัทยาก็ยังไหว แต่สำหรับค่ำคืนที่พระอาทิตย์จะลงมาสะกิดผิวน้ำ คงต้องขอแนะนำเป็นร้านนั่งชมบรรยากาศสุดโรแมนติกอย่าง “ริมผาลาพิณ” ของคู่รักดารา โอ๊ต วรวุฒิ และลินดา ครอส












สำหรับการมากินอาหารที่ ริมผาลาพิณ นี้ ทางที่ดีควรไปไม่เย็นมากเพราะต้องไปแสดงตัวจองที่นั่ง ซึ่งพนักงานจะเอาป้ายไปตั้งไว้ให้ รอจนตะวันคล้อยต่ำ ค่ำ ๆ แดดร่มลมตก ค่อยย้ายที่นั่งจากใต้ชายคา กระเถิบไปริมผา เพื่อชมบรรยากาศยามเย็น นั่งดูโค้งทะเลของชายหาดจอมเทียน กินอาหารไป ชมบรรยากาศไป แต่จะให้ดี money ในกระเป๋าควรมีหนาหน่อย จะได้ไม่ค่อยตุ๊ม ๆ ต่อม ๆ เวลาจ่ายค่าข้าว ที่นี่สามารถนั่งยาวตั้งแต่เย็นจนพลบค่ำ ดื่มด่ำบรรยากาศจากแสงอาทิตย์ที่สาดลงบนผิวน้ำแล้วก็ตามด้วยแสงไฟบนชายหาดที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา พาให้เห็นไปถึงชายหาดพัทยา เรียกได้ว่ารวบรวมบรรยากาศไว้หลากหลายในที่เดียว





กลับจากริมผาลาพิณ แล้วก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก ใครอยากอยู่สงบๆ ก็เชิญหาดจอมเทียน หรือใครจะแวะเวียนไปชมแสงสี ก็ตีรถเข้าพัทยาเหนือ พัทยากลาง พัทยาใต้ จะไปดูคาบาเร่ บาร์เบียร์ หรือพิพิธภัณฑ์ริบรี่ ที่เที่ยวมากมายแถบนี้ คงไม่ต้องสาทยาย เพราะเชื่อว่าหลายคนไปจนนับครั้งไม่ถ้วน เอาเป็นว่าใครชอบสไตล์ไหน ก็เที่ยวสไตล์นั้น ตระเวนราตรีกันจนพอก็กลับมาเอาแรงเพื่อเที่ยวกันต่อในรุ่งเช้า




เช้าวันรุ่งขึ้น ตื่นมารับไอแดด ทานอาหารเช้า นั่งชมวิวริมชายหาดสักพักแบบไม่รีบเร่งอะไร ใครอยากจะเล่นเจ๊ทสกี ขี่บานาน่าโบ๊ท ชายหาดที่พัทยานี้ก็มีให้บริการ หรืออยากจะสัมผัสความเค็มของน้ำทะเล ให้ทรายติดตัวเล่นเก๋ ๆ จะได้พูดได้เต็มปากว่ามาเที่ยวพัทยา เวลาในทริปนี้เราก็มีให้เหลือเฟือ พอสายหน่อยค่อยเคลื่อนพลไปตลาดน้ำ 4 ภาค แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ที่รวบรวมวิถีชีวิต และของดี 4 ภาคมาไว้ในที่เดียว แบบที่ไม่ต้องตระเวนเที่ยวให้เหนื่อย กินข้าวซอยภาคเหนือ แล้วก็เหลือท้องไปกินของภาคใต้ เดินช้อปไปมาจะทำท่าว่าจะหิวใหม่ แบบว่ากลัวภาคกลางและอีสานน้อยใจ สรุปแล้วต้องไปตระเวนกินจนครบ







จบจากที่นี่เราเดินทางกันต่อ ไปไหว้พระพุทธมหาวชิรอุตตโมภาสศาสดา เป็นพระพุทธรูปแกะสลักด้วยเลเซอร์บนหน้าผาเขาชีจรรย์ ประทับนั่งปางมารวิชัยเลียนแบบพระพุทธนวราชบพิตรศิลปะสุโขทัยผสมล้านนาขนาด ความสูง 109 เมตรหน้าตักกว้าง 70 เมตร ฐานบัวหรือบัวบัลลังค์สูง 21 เมตร รวมความสูงของ องค์พระและบัลลังค์ทั้งสิ้น 130 เมตรเป็นแบบนูนต่ำ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชฯ มหาราชทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี



แต่ที่ดูจะดึงดูดไม่แพ้กัน คือไร่องุ่น Silverlake เป็นไร่องุ่นที่ไม่ได้มีแค่ความงดงามของเถาองุ่นที่ปลูกเรียงรายอย่างเป็นระเบียบอยู่ข้างกังหันในแบบฉบับของฮอลแลนด์ แต่ยังมีดอกไม้ในสวนที่ถูกจัดไว้อย่างตระการตา วิวผืนน้ำที่ถูกโอบล้อมด้วยขุนเขา ทำให้เข้าใจว่าทำไมถึงได้ชื่อ “Silverlake” ที่นี่ไม่ได้มีแค่วิวสวย ๆ ยังมีผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไร่องุ่นมาจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว แต่ถ้าใครคิดว่าแค่น้ำองุ่นคงเอาพยาธิในท้องไม่อยู่ ก็เลือกที่นั่งดูวิว กินพิซซ่า ในร้านอาหารบนเนิน ที่ Silverlake จัดไว้ให้ จะได้เห็นวิวสวย ๆ ในอีกมุมนึง พอเห็นบรรยากาศแบบนี้แล้วก็ไม่มีอะไรจะบรรยายต่อ เชิญชมภาพกันให้หนำใจ แต่ถ้าใครอยากสัมผัสด้วยตาตัวเอง เสาร์-อาทิตย์นี้ก็เตรียมเก็บกระเป๋า โยนเข้าท้ายรถ เร่งเครื่อง ล้อหมุนมุ่งหน้า พัทยา จะได้รู้ว่า เกินคำบรรยาย เป็นยังไง











ข้อมูลเพิ่มเติม โทร 0 3893 8250 กรุงเทพฯ โทร. 0 2231 6565 เว็บไซต์ www.silverlakethai.com











































1 ความคิดเห็น:

  1. โอ้วว ชอบมากค่ะ ริมผาลาพิณ บรรยากาศดีมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

    ตอบลบ